ภาพรวมธุรกิจ
นโยบายและภาพรวมการประกอบธุรกิจ
บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Ichitan Group Public Company Limited ชื่อย่อหลักทรัพย์ ICHI ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
และจดทะเบียนก่อตั้งเป็นบริษัทจำกัด เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2553 รวมถึงจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2556 โดยทำการซื้อขายวันแรก วันที่ 21 เมษายน 2557
ในปี 2567 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายรวม 8,594.4 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ในประเทศร้อยละ 94.2 และจากต่างประเทศร้อยละ 5.8 ทั้งนี้ ลูกค้าและพันธมิตรหลักของอิชิตัน คือ DKSH ซึ่งมีสัดส่วนรวมอยู่ที่ร้อยละ 81.3 ของรายได้รวมขององค์กร
คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้ให้ความเห็นชอบในการกำหนดวิสัยทัศน์ ภารกิจ การวางแผนกลยุทธ์ เป้าหมาย แผนธุรกิจ และงบประมาณขององค์กร ซึ่งบริหารจัดการและนำเสนอโดยคณะกรรมการบริหาร โดยกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการบริษัทอย่างสม่ำเสมอในการติดตามผลการดำเนินงานตามกลยุทธ์ขององค์กร ประจำรายไตรมาส และรับทราบเรื่องดำเนินการที่สำคัญของฝ่ายจัดการ รวมถึงได้จัดให้มีกลไกในการกำกับดูแล ติดตาม และประเมินผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารทุกระดับให้เป็นไปตามเป้าหมายกลยุทธ์องค์กรที่กำหนดไว้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ
บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) มีเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มคุณภาพและนวัตกรรมที่เติบโตไปพร้อมกับสังคมที่ดี
จึงมุ่งเน้นการปรับปรุงคุณภาพและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย รวมถึงการพัฒนาโอกาสทางธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันภายในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทฯ คาดว่าจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยเฉลี่ยปีละ 1-2 กลุ่มผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ บริษัทฯ จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการทำงานด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาสนับสนุนกระบวนการผลิตเพื่อประหยัดเวลาและเพิ่มประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการดำเนินการด้านความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ผลการดำเนินงานที่สำคัญ
ขับเคลื่อนความเป็นเลิศในทุกหยดของเครื่องดื่ม
รายได้จากการขาย ปี 2567
สัดส่วนรายได้จากการขายจำแนกตามภูมิศาสตร์
ในประเทศ
ต่างประเทศ
สัดส่วนรายได้จากการขายจำแนกตามผลิตภัณฑ์
บริษัท อิชิตัน เพาเวอร์ จำกัด
เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2560 บริษัทฯได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทย่อย ชื่อ “บริษัท อิชิตัน เพาเวอร์ จำกัด ” ด้วยทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท (หนึ่งล้านบาทถ้วน) และให้เรียกชำระเงินทุนจัดตั้งบริษัทเต็มมูลค่า โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ประเภทเครื่องดื่มทุกชนิด ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศโดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.9
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติอนุมัติการเพิ่มเงินลงทุนในบริษัทย่อย เป็นเงินจำนวน 75 ล้านบาท โดยบริษัทย่อยเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 1 ล้านบาท เป็น 76 ล้านบาท ทั้งนี้ การดำเนินการจดทะเบียนเพิ่มทุนดังกล่าวกับกระทรวงพาณิชย์ได้แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทได้มีมติอนุมัติการจดทะเบียนเลิกกิจการของบริษัทย่อย ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการจดทะเบียนเลิกกิจการ เสร็จภายในเดือนธันวาคม 2567 และชำระบัญชีแล้วเสร็จในปี 2568 อย่างไรก็ตาม การจดทะเบียนเลิกกิจการของบริษัทย่อยต้องได้รับการอนุมัติครั้งสุดท้ายจากผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อย
| บริษัทย่อย | สัดส่วนการลงทุน (ร้อยละ) | ทุนจดทะเบียน (บาท) | ทุนชำระแล้ว (บาท) | มูลค่าเงินลงทุน (บาท) |
|---|---|---|---|---|
| บริษัท อิชิตัน เพาเวอร์ จำกัด | 99.9 | 76,000,000 | 76,000,000 | 0 |
บริษัท พีที อิชิ ตันอินโดนีเซีย
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2557 บริษัทฯได้เข้าทำสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัท พีที อาทรี่ แปซิฟิค (“AP”) ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย เพื่อร่วมลงทุนในบริษัท พีที อิชิ ตัน อินโดนีเซีย (“PTI”) ซึ่งเป็นกิจการร่วมค้าที่จัดตั้งขึ้นใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย และมีวัตถุประสงค์เพื่อผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ “อิชิตัน” ในประเทศอินโดนีเซีย โดย “บริษัทฯ” และ “AP” จะเข้าลงทุนในกิจการร่วมค้าในอัตราส่วนที่เท่ากัน (อัตราร้อยละ 50 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้ทั้งหมดของกิจการร่วมค้า) ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเงินลงทุนจำนวนรวม 200,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย บริษัทฯ ได้จ่ายชำระเงินทุนจัดตั้งบริษัทงวดแรกในอัตราร้อยละ 50 ของทุนที่เรียกชำระแล้วเป็นจำนวนเงิน 50,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2557 “PTI” จึงกลายเป็นกิจการที่ควบคุมร่วมกันของบริษัทฯ
เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2561 บริษัทฯ ได้รับจดหมายจากการร่วมค้าเรียกให้ชำระเงินทุนจัดตั้งบริษัทเพิ่มอีกเป็นจำนวนเงิน 60,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน บริษัทฯ ได้จ่ายชำระเงินทุนดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 และการร่วมค้าได้จดทะเบียนเพิ่มทุนกับ Indonesia Investment Coordinating Board แล้วเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561
เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2562 บริษัทได้รับจดหมายจากการร่วมค้าเรียกให้ชำระเงินทุนจัดตั้งบริษัทเพิ่มอีกเป็นจำนวนเงิน 45,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนกับ Indonesia Investment Coordinating Board และจ่ายชำระเงินทุนดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 23 มกราคม 2562
เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2564 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท พีที อิชิตัน อินโดนีเซีย (“PTI”) ผู้ถือหุ้น PTI ได้อนุมัติการลดทุนที่ออกและชำระแล้ว เป็นจำนวนเงิน 90,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นการลดทุนในส่วนของบริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 45 ล้านหุ้น เป็นจำนวนเงิน 45,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย (หรือเทียบเท่า 97.4 ล้านบาท) และการร่วมค้าได้จดทะเบียนลดทุนกับ Ministry of Law and Human Rights แล้วเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2565
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัท PT Ichi Tan Indonesia (“PTI”) ได้มีมติอนุมัติการลดหุ้นเพื่อลดทุนในบริษัท PTI เป็นจำนวนเงิน 35,000 ล้านรูเปียอินโดนีเซีย (หรือเทียบเท่า 77.9 ล้านบาท) และการร่วมค้าได้จดทะเบียนลดทุนกับ Ministry of Law and Human Rights เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567
| บริษัทย่อย | สัดส่วนการลงทุน (ร้อยละ) | ทุนจดทะเบียน (บาท) | ทุนชำระแล้ว (บาท) | มูลค่าเงินลงทุน (บาท) |
|---|---|---|---|---|
| บริษัท พีที อิชิ ตันอินโดนีเซีย | 50 | 682,500 | 320,000 | 460.7 (50%) |