การแพร่ระบาดของdsas COVID-19 ทำให้เศรษฐกิจทั่วโลกหยุดชะงักจนอาจทำให้ปี 2020-2021 กลายเป็นช่วงเวลาที่ถูกจารึกในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ว่าเป็น "The Lost Year" สำนักข่าว Bloomberg เผยแพร่บทความวิเคราะห์ผลคำนวณระยะเวลาสิ้นสุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งมีเป้าหมายให้ทุกประเทศฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้ประชาชนได้เกิน 75% ดร. แอนโทนี เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ประเมินว่าการยุติการแพร่ระบาดจนทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ จะต้องให้วัคซีนครอบคลุมประชากร 70-85% แต่กว่าที่ทุกประเทศทั่วโลก จะได้รับการฉีดวัคซีนถึงเป้าหมาย อาจต้องใช้เวลาที่ยาวนานถึง 2-3 ปี
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจได้รับการประเมินว่าเป็นลักษณะ K-shape กล่าวคือผู้ประกอบการหรือประเทศ ที่ปรับตัวตามพฤติกรรมใหม่ของผู้บริโภคได้ แม้ช่วงแรกจะได้รับผลกระทบแต่ภายหลังจะใช้โอกาสทางการตลาดที่ตอบสนองเทรนด์ผู้บริโภค นำพาให้ผลประกอบการไต่ระดับกลับไปที่สถานะเดิมหรือสูงขึ้น เช่นธุรกิจเทคโนโลยี อาหาร และเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ธุรกิจเดลิเวอรี่ เป็นต้น ในขณะที่ธุรกิจที่ไม่สามารถปรับตัวได้ก็อาจได้รับผลกระทบยาวนาน จนผลประกอบการดิ่งลึกลงและสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน
แม้ผลกระทบทางเศรษฐกิจทั้งในระดับภูมิภาคและในประเทศจะหยั่งลึกและแผ่กว้าง หากเมื่อมองให้ถี่ถ้วน ในวิกฤติโรคระบาดครั้งนี้ จะพบว่ายังมีโอกาสสำหรับผู้ประกอบการจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ที่จะช่วยพลิกสถานการณ์กลับมาให้อยู่ในสภาวะพร้อมลงสนามธุรกิจต่อ
จากข้อมูล Year In Search 2020 ของ Google พบว่าการค้นหาข้อมูลการดูแลสุขภาพเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งหมดเกิดขึ้นพร้อมกับพฤติกรรมการปกป้องตนเองและสมาชิกในครอบครัวให้ห่างจากโรคร้าย ทั้งโรคใหม่อย่าง COVID-19 และโรคจำนวนมากที่มีผลต่อสุขภาพของคนไทยมาก่อนหน้า เช่น โรคมะเร็ง หัวใจความดัน หรือ โรค NCDs อื่นๆ เป็นต้น ผู้บริโภคพยายามรักษาความเป็นอยู่ที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดูแลตนเองทุกองค์ประกอบเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้ห่างไกลจากโรค ส่งผลให้คนไทยหันมาใส่ใจกับการเลือกอาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมากขึ้น เพื่อป้องกันตัวเองจากโรคภัยไข้เจ็บและสุขภาพที่ดี ซึ่งสะท้อนได้ชัดเจนการเติบโตของตลาดเครื่องดื่มวิตามินปี 2020
จากข้อสรุปผลเสิร์ชของไทยในรอบปีที่ผ่านมา เป็นข้อมูลบ่งบอกของผู้ประกอบการในการตอบสนองพฤติกรรมดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ซึ่งสะท้อนได้ชัดเจนที่การเติบโตของตลาดเครื่องดื่มวิตามินปี 2020 ที่ขยายตัวถึง 106% มีมูลค่าตลาดสูงถึง 2,195 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.2% ของตลาดเครื่องดื่มทั้งหมดของไทยสวนทางกับตลาดเครื่องดื่มทั้งหมดซึ่งหดตัวลง 3% คิดเป็นมูลค่าตลาด 4.45 แสนล้านบาทและคาดว่าในปี 2564 มูลค่าตลาดเครื่องดื่มวิตามินจะเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยมีมูลค่า 3,500 ล้านบาท
โอกาสของเครื่องดื่มสุขภาพคาดว่าจะยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่ยังคงอยู่ เครื่องดื่มผสมวิตามินเป็นสินค้าที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีอนาคตสดใส ทั้งนี้น้ำดื่มผสมวิตามินเป็นเซกเมนต์ใหม่ในตลาดที่น่าจับตาจากจุดเด่นสำคัญคือ ใส ไร้สี ดับกระหาย ดื่มได้ทดแทนน้ำเปล่า แต่ให้สารอาหารต่อร่างกายเพิ่มเข้าไป เพื่อช่วยเพิ่มทางเลือกหลากหลายในการบริโภค เช่น วิตามิน หรือสารอาหารบางชนิด มีรสชาติและกลิ่นหอมโดดเด่นกว่าน้ำเปล่า แต่ไม่มีน้ำตาลและให้พลังงานน้อยมาก ตอบรับเทรนด์สุขภาพที่เป็น New Normal ได้ดี
แม้ตลาดเครื่องดื่มผสมวิตามินมีการเติบโตอย่างน่าประทับใจ แต่การเข้าทำตลาดน้ำดื่มผสมวิตามิน เป็นความท้าทายของผู้ประกอบการ เพราะความน่าสนใจของการขยายตัวของตลาดดึงให้ผู้เล่นมากมายเข้ามาชิงส่วนแบ่งไม่ขาดสาย
การผลิตแบบ Cold Aseptic Filling Technology เป็นเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยที่สุดของโลกในปัจจุบัน มีประสิทธิภาพเหนือกว่าการผลิตแบบเดิมทั้งในด้านการคงคุณค่าวิตามินให้ดีกว่า และช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติกให้น้อยลง เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตแบบเดิม (Hot Filling Technology) ที่ใช้ความร้อนสูงอุณหภูมิมากกว่า 87 °C ในการบรรจุ เป็นเวลานานมากกว่า 30 วินาที แล้วจึงลดอุณหภูมิลง ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความร้อนสะสมนานกว่า ดังนั้น จึงมีโอกาสที่วิตามินจะถูกทำให้สูญสลายมากกว่า รวมถึงบรรจุภัณฑ์ต้องใช้เนื้อพลาสติกในปริมาณมากกว่าด้วยเช่นกัน เพื่อทนต่ออุณหภูมิสูงได้นานขึ้น